วันพุธ

"เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกแขวนคอ"




ข่าวการทำประชามติ  ข่าวล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน  ข่าวครบรอบสองปีของการทำรัฐประหาร  หลบไป!! ข่าวใหญ่ในสัปดาห์นี้  ไม่มีข่าวใดเกินข่าว  หลวงพ่อธัมมชโย!!!

เท่าที่ดูตามกระแสสื่อ  คนลืมกันไปหมดแล้วว่า  หลวงพ่อธัมมชโย ที่โดนข้อหา  ฟอกเงิน & รับของโจร  ผิดจริงตามที่ DSI กล่าวหาหรือไม่

สนใจกันอย่างเดียวว่า  26  พฤษภาคมนี้  ท่านจะไปมอบตัวหรือไม่  ถ้าไม่ไป DSI  จะเข้ามาจับตัวท่านที่วัดหรือไม่

เซียนออกราคากันมาแล้วว่า  ไม่ไปต่อสองเอาหนึ่ง..   ส่วน DSI จะบุกเข้ามาจับที่วัดไหม ราคาตอนนี้ไหลมาที่เสมอไหนเสมอกัน คือห้าสิบห้าสิบ

มองตามหน้าเสื่อแล้ว  หลวงพ่อธัมมชโยป่วยจริง!!  แพทย์ยืนยันจริง!!  พูดง่ายๆ ทั้งพยานและหลักฐานนะของจริง!! พร้อมให้พิสูจน์ 24 ชั่วโมง จากหมอคนไหนก็ได้ในโลก  ราคาเลยเป็นต่อ

ส่วน DSI จะบุกจริงไหม  อันนี้ลองพิเคราะห์ดูแล้ว  จากคำสัมภาษณ์ของท่านรัฐมนตรีที่บอกว่า   "ถ้า DSI คนไหนไม่กล้าจับ ก็ให้ลาออกไป" (springnews)

ไหงเป็นเรื่องกล้าไม่กล้า!!!  ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย!!!

เป็นไปได้ไหมว่า  ทาง DSI ก็รู้ว่า  มันไม่ถูกต้อง!!!   แต่ขัดไม่ได้!!!

พระนั่งรับเงินบริจาคอยู่ที่วัด  เป็นการฟอกเงิน!!!

การไม่ถามโยมที่มาบริจาคว่าเงินได้มาอย่างไร   เป็นการรับของโจร!!!

เป็นหัวหน้าก็สบายไปอย่าง  สั่งลูกน้องไปทำ  เกิดผิดพลาด โดนเช็คบิลย้อนหลัง  ก็ "อั๊วไม่รู้  อั๊วไม่ได้เป็นคนทำ"

กรรมก็ตกกับลูกน้องไปเต็มๆ  เดินหน้าก็รู้ว่าผิด  ถอยหลังก็โดนจิก   "เนื้อไม่ได้กิน  หนังไม่ได้รองนั่ง  เอากระดูกแขวนคอ" แท้ๆเล้ย

กึ่งศตวรรษ..



วันอังคาร

"ธรรมะ"ย่อมชนะอธรรม



พระพิมลธรรม อาจ อาสโภ


20 เมษายน พ.ศ. 2505  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับ "พระอาจ อาสโภ" ในข้อหาร้ายแรงคือ มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์  และกระทำผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร

30 สิงหาคม พ.ศ. 2509 ศาลทหารได้อ่านคำพิพากษา และยกฟ้องคดีเดียวกันนี้ตอนหนึ่งว่า จำเลยนี้เป็นผู้ประกอบแต่กุศลกรรมกระทำกิจพระศาสนาแผ่ไพศาลไปทั้งในและนอกประเทศ ทั้งในทางปริยัติศาสนาและปฏิบัติศาสนา มีผลประจักษ์ชัดเป็นหลักฐานมาก ไม่เชื่อว่าได้กระทำผิด แต่กลับมาต้องถูกออกจากเจ้าอาวาส ถูกออกจากสมณศักดิ์ ถูกจับกุม ถูกบังคับให้สละเพศพรหมจรรย์ นับว่ารุนแรงที่สุด สำหรับพระเถระผู้ใหญ่ที่ปวงชนเคารพนับถือ

ดีใจที่เกิดไม่ทันปี 2505 ไม่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ซึ่ง "ไม่ควรแก่การระลึกจดจำ"


และยิ่งดีใจที่เกิดในปี 2509 เพราะเกิดมาก็ได้ยินข่าวดีว่า "คดีอัปยศ" ได้ถูก "พิพากษา" ให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

ใครจะคาดคิด !!!

17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ศาลได้ "ออกหมายจับ" พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ตามคำขอของ DSI ในข้อหา "รับของโจรและฟอกเงิน"

26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 มีการกำหนดเส้นตายให้ "พระเทพญาณมหามุนี" (หลวงพ่อธัมมชโย) เดินทางไปมอบตัวที่สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ

16 มิถุนายน พ.ศ. 2559 DSI สนธิกำลัง "บุกวัดพระธรรมกาย" เพื่อจะจับ "พระภิกษุ" ให้จงได้

ชีวิตนี้ก็ไม่เคยคิดว่า "จะต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก" แบบปี 2505 ที่ฝ่ายอาณาจักร "ลุแก่อำนาจ" พยายามเข้ามา "ก้าวก่าย" ในศาสนจักร

แต่ครั้งนี้ก็คงไม่เหมือนครั้งนั้น เพราะ "ศิษยานุศิษย์" ของหลวงพ่อธัมมชโยที่มีนับล้านทั่วประเทศและทั่วโลก ก็คงไม่ยอมให้ใครมา "รังแก" หลวงพ่อของพวกเขา

อีกอย่าง "เทคโนโลยีการสื่อสาร" ในยุคปัจจุบัน ก็ก้าวไปไกลเกินกว่าจะ "ปิดหูปิดตาประชาชน" และที่สำคัญที่สุด เรายังมีความ "เชื่อมั่น" ในกระบวนการ "ยุติธรรม" และ ธรรมะย่อมชนะอธรรม เสมอ

กึ่งศตวรรษ..




วันศุกร์

เขาว่า "กรรมการ" โกง!!!




ใครที่ได้ดูการแข่งขันวอลเลย์บอล นัดที่ "สาวไทยเจอกับญี่ปุ่น" เป็นต้องปรี๊ดแตก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะหาอะไรซักอย่างปาโทรทัศน์ให้พัง

ผลการแข่งขันเป็นอย่างไร คงไม่ต้องพูดซ้ำ ได้แต่บอกคำเดียวว่า เสียดาย!!! และเสียใจแทนคนไทยทั้งประเทศ

การแข่งขันกีฬา ย่อมมีแพ้มีชนะ ถือเป็นเรื่องธรรมดา แม้จะเสียใจ แต่ก็พร้อมจะทำใจ เพราะมันต้องเป็นไปตามกฏ กติกา

แต่การแพ้แบบน่ากังขาโดยเฉพาะจากการตัดสินของ "กรรมการ" ที่ไม่เป็นธรรม ต้องบอกว่า มันยากจะทำใจรับได้จริงๆ

บางคนถึงกับบอกว่าจะเลิกไปเที่ยวญี่ปุ่น บ้างก็ว่าจะเลิกซื้อของญี่ปุ่น  ไม่เว้นแม้แต่ "น้องเมย์" บอกว่าถ้าเจอญี่ปุ่น จะตบให้คว่ำ.. ฮา (หมายถึงในการแข่งขันแบดมินตัน)

คนเราทนไรก็ทนได้ แต่ถ้ารู้ว่าถูก "ลำเอียง" ก็ยากจะยอมรับได้ พ่อแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน ยังมีปัญหา นับประสาอะไรกับ การตัดสินคดีใหญ่ๆ

ไม่แปลกใจเลย ที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายจะออกมาเรียกร้องหาความ "ยุติธรรม"

หลวงพ่อธัมมชโยของพวกเขา นั่งรับเงินบริจาคอยู่ที่วัด ไม่เคยแม้แต่จะเห็นเช็ค หลังจากรับมา ฝ่ายการเงินก็นำไปใช้จ่าย "มีหลักฐานที่ไปที่มาของเช็คอย่างชัดเจน"

หรือว่าเดี๋ยวนี้ พระต้องถามโยมก่อนว่า "โยม..เงินนี้ท่านได้แต่ใดมา"

ฟอกเงิน&รับของโจร มันก็คงเหมือนกับ สองใบแดง!!! ที่ทีมวอลเล่ย์สาวของเราได้จาก "กรรมการ"

อกเขาอกเรา คนไทยทั้งประเทศ กังขาและไม่ไว้ใจ "กรรมการ" ที่ตัดสินวอลเล่ย์บอลนัดนั้น.. ฉันใด

เชื่อว่าศิษย์ธรรมกายทุกท่าน ก็คงไม่ไว้ใจ DSI ที่กล่าวหา หลวงพ่อธัมมชโย ของพวกเขา..ฉันนั้น

กึ่งศตวรรษ..




วันอังคาร

อย่าให้เป็น "ไม้ขีดก้านเดียว"





ข่าวที่กิน"หน้าสื่อ"มากที่สุดในช่วงนี้ ไม่มีข่าวใดเกิน "หลวงพ่อธัมมชโย" ไม่ว่าจะเป็น น.ส.พ.  ทีวี โทรทัศน์ดาวเทียม แม้แต่ในโลกออนไลน์  Facebook  Twitter  Youtube จนกระทั่ง ขวัญใจ"ป้าๆ"เช่น  LINE

ตั้งแต่จำความได้ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ไม่ว่า "ใครหรือองค์กรใด" จะยิ่งใหญ่มาจากไหน  หากโดน"สื่อไทย" รุมกระหน่ำ เช้า-เย็น แบบนี้ ไม่เคยอยู่ได้เกิน"สามเดือน"

นายกบิ๊กจิ๋วโดน "ม๊อบมือถือสีลม" บวกกับสื่อช่วยกันถล่ม สามเดือนยังปิดฉาก อธิบดี รัฐมนตรี แม้กระทั่ง "นายกรัฐมนตรี" กี่คนต่อกี่คน พระคุณเจ้า เกจิอาจารย์ กี่ท่านต่อกี่ท่าน ไม่เคยเห็นรอดซักราย

หลวงพ่อธัมมชโย ท่านคงมีอะไรดี เห็นว่าโดนสื่อโจมตีมาตั้งแต่บวช  เริ่มสร้างวัดก็โดนเลย จนปัจจุบัน บวชได้ สี่สิบกว่าพรรษาแล้ว  แต่เหมือน "มาร" ก็ยังผลัดกันมาผจญ

เรื่องอื่นวางไว้ เอาแค่ปี 42 เรื่องพระลิขิต กับ คดีที่ดิน โดนสื่อ "จัดหนัก" อยู่ 7 ปี ในที่สุด "ศาลยกฟ้อง" โดนด่าฟรี 7 ปี ได้มาแค่ "เค้าขอโต๊ด"

"ฟอกเงิน&รับของโจร" ถ้าเรื่องนี้เกิดกับนักการเมือง หรือพ่อค้า ก็ยังดูพอมีเค้า แต่นึกให้ตายก็นึกไม่ออก พระรับเงินบริจาคจากญาติโยม เอาตรงไหนมาฟอก ฟอกด้วย "แฟ๊บหรือสบู่" ยี่ห้อไร

ยิ่งรับของโจรยิ่งไปกันใหญ่ อีกหน่อยพระมิต้องคอยถาม..."โยม ของโจรรึ?"

อย่างว่า อากาศมันร้อนระเบิดเลยปีนี้ ฝนก็แล้ง น้ำก็แห้ง เศรษฐกิจก็กระท่อนกระแท่น มีข่าวอะไรที่ช่วยให้รัฐได้ "หลบฉาก" ซักหน่อย มันก็เลย "ฮอตฮิท" ติดลมบน

แต่มาผิดสังเกตอยู่นิ๊ส DSI ทำคดีนี้เหมือนมี "ใบสั่ง" หมายเรียกไปถึง "สื่อมวลชนก่อนถึงเจ้าทุกข์" เพื่อให้สื่อช่วยโหมกระพือข่าว เหมือนกลัวว่าข่าวจะไม่ดัง อีกทั้ง..เช้าว่าอย่าง บ่ายว่าอย่าง

ได้ยินมาว่า พนักงาน DSI ลาออกไปหลายคน อัยการก็ไม่อยากรับลูกต่อ โยนกันไปมา ส่วน "บิ๊กต๊อกลูกรักของป๋า" ก็ทำท่าจะถอดใจ "สามวันดี สี่วันไข้"

หลวงพ่อธัมมชโย ถ้าท่านไม่บริสุทธิ์จริง ก็คงไม่สามารถยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบัน ฝ่าทั้งคลื่นลมฝน พายุโหมกระหน่ำ "ทั้งภัยจากภายใน" คือคนที่ไม่เข้าใจ และไม่ยอมเข้าใจ "ทั้งภัยจากภายนอก" จากการที่ท่านขยายงานพระพุทธศาสนาไปสู่ระดับโลก

ก็หวังว่า DSI อย่าทำคดีประหลาดนี้ให้เป็นดั่ง "ไม้ขีดก้านเดียว" อุณหภูมิช่วงนี้ก็ร้อนพอแรงอยู่แล้ว อารมณ์ของคนที่มีความรู้สึกว่า "ผู้ที่รักและเคารพโดนรังแก" เดี๋ยวจะกลายเป็น "ข้าจะเผาเมืองแปร ให้มันวอดวาย"

กึ่งศตวรรษ..

วันจันทร์

"อยาก"ก็ส่วนอยาก..







คนสมัยนี้นี่แปลก คิดอย่างแต่ชอบที่จะทำอีกอย่าง คิดอยากจะเป็นคนดี แต่ก็เป็นได้แค่ความคิด นอกจากจะไม่ทำเองแล้ว ยังไม่ค่อยจะยกย่อง "ข่าวชั่วลงฟรี ข่าวดีลงขำ"

อยากให้ลูกหลานโตขึ้นเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ แต่ไม่เคยฝึกให้เด็กๆช่วยเหลือตัวเองเลย พ่อแม่คอยเหมาที่จะทำให้หมด "ไม่รู้ว่าเวรหรือกรรม"


อยากได้สามีภรรยาที่รักเดียวใจเดียว แต่ก็เฟี้ยวซะเหลือเกิน กับละครที่แย่งผัวแย่งเมียกันอุตลุด ข่าวใครเลิกกับใครใครกิ๊กกับใคร พาดหัวใหญ่ "กันเป็นประจำ"


อยากจะให้ข้าราชการไม่คอร์รัปชั่น พอถึงคราวที่จะต้องติดต่องานกับราชการ ก็แอบที่จะใต้โต๊ะกันไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่า "มันเป็นธรรมเนียมที่ต้องทำ"

อยากจะได้นักการเมืองที่ใสซื่อมือสะอาด แต่ก็กาให้เจ้าของเงิน ด้วยคาถาบาปว่ารับเงินเขามาแล้ว ฟังแล้ว "เหมือนมีคุณธรรม"


อยากเห็นพระที่สงบ สำรวม ทำตัวน่าเลื่อมใส เคร่งครัดในพระธรรมวินัย แต่หนังที่พระแสดงตลกทีไร ล้วนโกยรายได้ "เป็นกอบเป็นกำ"


อยากให้คนในชาติมีความสมัครสมานสามัคคี แต่ยังตัดสินคดีด้วยความ "อยุติธรรม"


ยังมีอีกหลายอยาก สรุปแล้วก็คือ อยากก็ส่วนอยาก "แต่กูไม่ทำ"


ลดความอยากลงหน่อย และเพิ่มความขยันที่จะทำขึ้นอีกนิด ถือเสียว่าช่วยสร้างสังคมที่ดีมีอนาคต ฝากไว้ให้ไอ้จุก ไอ้แกละ ไม่ทำไว้ให้ตัวเอง ก็อย่าให้ลูกหลานมันตามด่าในภายหลังเลยว่า.."ไอ้ผู้ใหญ่ใจดำ"


กึ่งศตวรรษ..